ปัจจัยในการจัดอันดับของ Google มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในทุกๆปี Google มีการพัฒนาระบบ Algorithm ในการพิจารณาอันดับของ Website ต่างๆ เพื่อให้การ Search เกิดประสิทธิภาพสูงที่สุด
โดยจะมีปัจจัยหลักๆ สำคัญต่อการจัดอันดับของ Google เป็นอย่างมาก ซึ่งใครที่ทำ SEO แล้วเน้น 11 ปัจจัยสำคัญดังกล่าวนี้ รับประกันได้เลยว่า ติดอันดับบน Google อย่างแน่นอน
ก่อนไปดูปัจจัยสำคัญว่ามีอะไรบ้าง อยากให้หลายคนตระหนักถึงอันดับบน Google ของเว็บไซต์หน่อยว่า มันสำคัญมากยังไง
ลองดูกราฟนี้กันครับ
CTR คือ อัตราการคลิ๊ก (ความหมายของ CTR จาก Google)
SERP (Search Engine Result Page) คือ อันดับการ Search บน Google
แกนตั้ง คือ CTR
แกนนอน คือ SERP
- โดยจะเห็นได้ว่าอันดับ 1-4 อัตราการคลิ๊กเข้าชมเว็ปไซต์จะอยู่ที่ 10 – 20% ของปริมาณการค้นหาทั้งหมด ส่วนอันดับ 5 – 10 อัตราการคลิ๊กก็ลดลงตามลำดับ
- และจะเห็นได้ว่าทั้งอันดับ 1-10 มีอัตราการคลิ๊กเข้าชมเว็ปไซต์รวมกันทั้งหมดราว 95% ของปริมาณการค้นหาทั้งหมด
ซึ่งหมายความว่า หากเว็บไซต์เราติดหน้าแรก บน Google ก็มีโอกาสที่คนจะคลิ๊กเข้าชมเว็บไซต์ … แต่หากเว็บไซต์เราไม่ติดหน้าแรก เป็นไปได้ยากเลยที่คนจะเข้าเว็บไซต์เรา
11 ปัจจัยสำคัญ ต่อการจัดอันดับบน Google
- การเข้าถึงของ Google’s bots
- ความปลอดภัย
- Page Speed (ทั้งบน PC และ Mobile)
- Mobile Friendly
- อายุ Domain และชื่อ URL
- เนื้อหา
- เทคนิคการทำ SEO
- พฤติกรรมการของผู้เข้าชมเว็บไซต์
- Links
- Social
- ข้อมูลธุรกิจของเรา
1. การเข้าถึงของ Google’s bots
อย่างแรกในการจะติดอันดับบน Google ได้นั้น เราต้องให้ Google’s bots สามารถเข้ามาเห็นเว็บไซต์หรือ URL (ที่อยู่ของเว็บไซต์) ของเราให้ได้ก่อน เพื่อให้ Google เห็นเรา และนำข้อมูลบนเว็บเราไปพิจารณาในการจัดอันดับในลำดับถัดไป
ซึ่งการที่จะทำให้ Google สามารถเข้าถึง URL ของเราได้ เราสามารถใช้ตัวช่วยต่างๆได้แก่
- Robots.txt : เป็นการบอก Google ว่าให้มาดูส่วนไหนของเว็บไซต์เราบ้าง (Robots.txt คืออะไร)
- เหมาะกับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีจำนวนหน้าเยอะ ไว้ตัดหน้าไม่จำเป็นให้ Google ไม่ต้องเสียเวลาเข้ามาดู
- Sitemap หรือ แผนผังเว็บไซต์ : เป็นการ List รายชื่อ Page บนเว็บไซต์ของเราทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้ Google’s bots เข้ามาเก็บข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์เราได้ง่ายขึ้น
ปกติเวลาเราเผยแพร่เว็บไซต์ลงบนโลก Internet ทาง Google’s bots จะเข้ามาเก็บข้อมูลเราอยู่แล้ว แต่ 2 วิธีนี้จะช่วยให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลบนเว็ปไซต์เราได้ไวขึ้น และง่ายขึ้น
Tip : การสร้าง Robots.txt บน Yoast (Plugin ช่วยในการทำ SEO บน WordPress)
How to edit robots.txt through Yoast SEO? (คลิ๊ก)
Tip : Sitemap บน Yoast (Plugin ช่วยในการทำ SEO บน WordPress)
XML Sitemaps in the Yoast SEO plugin (คลิ๊ก)
2. ความปลอดภัย
การทำ HTTPS เป็นปัจจัยหนึ่งที่ Google จะนำไปจัดอันดับเว็บไซต์ของเราเช่นเดียวกัน (HTTPS คือ)
โดย HTTPS เป็นการสร้างความปลอดภัยระหว่าง ผู้เข้าชมเว็บไซต์ กับ Server ของเว็บไซต์เรา เพื่อป้องกันพวก Hacker ในการเข้ามาทำมิดีมิร้ายกับเว็บไซต์เรา
เว็บไม่มี HTTPS เวลาเข้าเว็บไซต์ทาง Google จะบอกว่า Website นี้ไม่ปลอดภัย
วิธีการทำเว็บให้เป็น HTTPS
2.1 ให้ทาง Host ของเราทำให้ (Host ที่ดี จะทำให้ฟรี … Host ไหนเก็บตัง ย้ายได้เลยครับ) หรือ ขอ SSL เองบนหน้า Control panel
ตัวอย่าง Control panel ของ plesk (แต่ละ Host ใช้ไม่เหมือนกัน ของผมใช้ HostAtom เค้าใช้ Control panel ของ plesk)
ขั้นตอนการทำ SSL บน pleak (คลิ๊ก)
2.2 ใช้ Plugin บน WordPress ที่ชื่อว่า Really Simple SSL (คลิ๊ก)
3. Page Speed (ทั้งบน PC และ Mobile)
ความเร็วในการเข้าเว็บไซต์ของเรามีผลอย่างมากในการติดอันดับของ Google เช่นเดียวกัน โดยเราต้องทำให้เวลาเปิดเว็บไซต์ของเราเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น
เราสามารถตรวจสอบความเร็วของเว็บไซต์ได้จาก ลิงค์ด้านล่างนี้
https://developers.google.com/speed/pagespeed/insights/
ต้องบอกว่าตามจริงว่า มีกว่า 90% ของเว็บทั้งหมด ได้คะแนนการทดสอบของ Google ต่ำ โดยเฉพาะในส่วนของ Mobile … ขนาดเว็บดังๆในไทยอย่าง Sanook.com หรือ Pantip.com ก็ได้คะแนนในส่วนนี้ต่ำ
ซึ่งการปรับคะแนนในส่วนนี้ให้ดีขึ้นทำได้ยากมาก เพราะบางอย่างมันมาจากโครงสร้างที่เราไม่สามารถเปลี่ยนได้ เช่น โครงสร้างของ Theme , ฟังก์ชั่นบางตัวที่จำเป็นต้องมี เป็นต้น ดังนั้น คำแนะนำ คือ แค่ทำให้เว็บไซต์เราเวลาเปิดแล้วรู้สึกไม่อึดอัด รู้สึกไม่รอนานเกินไป แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว … มันยังมีปัจจัยสำคัญอื่นๆ อีกมากมาย ให้เอาเวลาไปโฟกัสที่เรื่องอื่นดีกว่า
Sanook.com
Pantip.com
ทั้งนี้เว็บในไทยส่วนมากที่เปิดแล้วรู้สึกช้า หลักๆ มาจากตัว Server หรือ Host ที่ใช้ หากใช้โฮสที่เปิดเว็บแล้วรวดเร็ว เราแนะนำให้ใช้ Host ที่มี Server ตั้งอยู่ในไทย และมีเซิฟเวอร์ที่แรง
แนะนำโฮสที่เร็ว แรงและราคาถูกในไทย เพียง 1,490 บาทต่อปี คุ้มค่าสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำเว็บไซต์อย่างมาก
4. Mobile Friendly
เนื่องจากเดี๋ยวนี้คนเราใช้มือถือในการเข้าเว็บไซต์เป็นจำนวนมาก (บางคนใช้มือถือมากกว่าคอมพิวเตอร์ด้วยซ้ำ) ทำให้ Google นำปัจจัยนี้มาเป็นปัจจัยสำคัญในการจัดอันดับ โดย Website ต้องรองรับการเปิดบนมือถือด้วย
โดยวิธีการดูว่าเว็บไซต์เราเหมาะกับการเปิดมือถือหรือเปล่า ให้เข้าไปเชคที่ https://search.google.com/test/mobile-friendly
ถ้าเว็บไซต์เราโอเครในการเปิดบนมือถือ ทาง Google จะบอกว่า “Page is mobile friendly”
แต่ถ้าเว็บไซต์เราไม่โอเครในการเปิดบนมือถือ ทาง Google จะบอกว่า “Page is not mobile friendly”
ซึ่งอย่างนี้ต้องแก้ไขให้รับรองการเปิดผ่านมือถือให้ได้ ส่วนมากวิธีการแก้ไขคือ ลง Theme ใหม่ พยายามหา Theme ดีๆ ที่รองรับการเปิดผ่านมือถือ (ส่วนมาก Theme ดังๆ จะรองรับการเปิดผ่านมือถืออยู่แล้ว)
5. อายุ Domain และ ชื่อ URL
อายุ Domain
อายุ Domain เป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการติดอันดับของ Google อย่างมากเช่นเดียวกัน โดยเชื่อไหมครับว่า 60% ของ 10 อันดับแรกบนการค้นหาของ Google มีอายุ Domain มากกว่า 3 ปีขึ้นไป (อ้างอิงข้อมูลตามรูปด้านล่าง)
มีรายงานการศึกษาของ Ahrefs ได้การทำการศึกษากว่า 2 ล้าน Page พบว่า อันดับ 1 ของการค้นหาบน Google ค่าเฉลี่ยของอายุ Domain อยู่ที่ประมาณ 900 วัน ซึ่งก็ประมาณ 3 ปีนั่นเอง
ดังนั้นสรุปได้เลยว่า อายุของ Domain มีผลมาก ต่อการจัดอันดับ โดยเฉพาะ Domain ที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ความยากในการติดอันดับบน Google นั้นมีค่อนข้างยากมาก (เนื่องจากเหตุผลด้านปัจจัยนี้ ทำให้ทาง SEO Thailand จึงจำเป็นต้อง รับทำ SEO เฉพาะเว็บไซต์ที่มีอายุมากกว่า 6 เดือน ในกรณีที่เว็บไซต์มีอายุ Domain ต่ำกว่า 6 เดือน ทางเรามีบริการปรับโครงสร้างให้ เพื่อให้เวลาลุยทำ SEO จริงจัง จะติดอันดับได้ง่าย และเร็วขึ้น)
ชื่อ URL
ชื่อ URL และชื่อ Domain ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการพิจารณาการติดอันดับของ Google เช่นเดียวกัน การที่เราตั้งชื่อ URL ที่สอดคล้องกับ Keyword ที่เราต้องการติดอันดับ ก็จะทำให้ได้คะแนนในส่วนนี้
แต่ไม่นานมีนี้ ทางทีมงาน Google ก็ออกมาบอกว่า Algo ของ Google ที่ปรับลดความสำคัญของเว็บไซต์ไม่มีคุณภาพที่มีชื่อ Keyword ตรงกับชื่อ Domain … ซึ่งจากข้อความนี้ ถ้าเว็บไซต์เรามีคุณภาพ ก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย
อย่างไรก็ดี การตั้งชื่อ Domain จริงๆแล้วไม่จำเป็นต้องตรงกับ Keyword ที่เราต้องการหรอกครับ (เพราะมันจะได้แค่ 1 keyword) ให้ไปโฟกัสการตั้งชื่อ URL ที่สะท้อนและสอดคล้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บเราจะดีกว่า
6. เนื้อหา
เนื้อหาที่ดี เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการติดอันดับของ Google … ต่อให้เราทำ SEO เทพแค่ไหน หากปราศจากเนื้อหาที่ดี ก็ยากในการติดอันดับของบน Google เพราะการที่เรามีเนื้อหาที่ดี มันจะทำให้คนที่เข้ามาชมเว็บไซต์เรา อ่านเนื้อหาของเรา, มีการคลิ๊กต่างๆเกิดขึ้น, อยู่เว็บไซต์เรานาน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ Google จะชอบเว็บไซต์ของเรา
โดยในเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ของเรา ก็ควรจะต้องมี Keyword และคำที่เกี่ยวข้องกับ Keyword นั้น ที่ต้องการติดอันดับอยู่ด้วย
ส่วนเรื่องความยาวของตัวเนื้อหา ก็ต้องบอกเลยว่า ยิ่งยาวยิ่งได้เปรียบ
จากคำแนะนำของ Lean-labs.com ที่ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับความยาวของเนื้อหากับอันดับบน Google พบว่า อันดับ 1-3 มีค่าเฉลี่ยของปริมาณคำบนเนื้อหาอยู่ที่ 2450 คำ ส่วนอันดับ 9 – 10 มีค่าเฉลี่ยของปริมาณคำบนเนื้อหาอยู่ที่ราว 2000-2100 คำ ดังนั้นถ้าอยากเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบน Google ในตำแหน่งสูงๆ เราก็ต้องมีปริมาณคำบนเนื้อหามากกว่าค่าเฉลี่ยนั่นเอง
ใช้ Video ในการช่วยเพิ่ม Traffic
เดี๋ยวนี้ Video เป็นสื่อ Online ที่มีปริมาณคนเข้าชมเยอะที่สุด และมีแนวโน้มที่จะเยอะขึ้นเรื่อยๆ
จากรางานของ Cisco ได้กล่าวว่า
- ทุกเพศ ทุกวัย ล้วนดู Video
- 80% ของคนส่วนมาก ชอบดู Video มากกว่าอ่าน Blog
- คนส่วนมากตัดสินใจซื้อของจากการดู Video มากกว่า
ดังนั้นการสร้าง Video ให้เชื่อมโยงกับเนื้อหา ก็เป็นหนึ่งกลยุทธ์ในการทำ SEO ที่ดีเลยทีเดียว
7. เทคนิคการทำ SEO
การอาศัยเทคนิคต่างๆในการทำ SEO ก็จะยิ่งช่วยทำให้ Website ของเราติดอันดับ Google ดีขึ้น อาทิ
- การใช้ Keyword บน Title
- การใช้ H1, H2 หรือ H3 ให้ถูกหลัก
- ทำ Meta description ให้สอดคล้องกับเนื้อหาและ Keyword
- ใส่ Alt ใน Image
8. พฤติกรรมการของผู้เข้าชมเว็บไซต์
ปัจจัยนี้มีผลโดยตรงอย่างมาก เพราะจะเป็นเหมือนผลลัพธ์ที่เราสร้างเว็บไซต์มา คนที่เข้ามาดูจะตัดสินเราเองว่า เค้าชอบเว็บเราแค่ไหน โดยถ้าคนเข้ามาดูชอบ Google ก็ชอบเช่นเดียวกัน แต่ทาง Google จะถอดรหัสความชอบจากคนดู จากพฤติกรรมการเข้าดูเว็บไซต์นั่นเอง โดยประกอบด้ว
- Click Through Rate : เปอร์เซนต์การคลิ๊กต่อบนเว็บไซต์หลังจากที่เข้ามาเว็บไซต์ของเรา
- Bounce Rate : อัตราการกด Back หลังจากที่เข้ามาเว็บไซต์เรา (คือถ้าเว็บไซต์เราดี เค้าจะหยุดอ่าน แต่ถ้าไม่ดี เค้าจะกด Back หรือ ออกจากเว็บทันที)
- Dwell time : ระยะเวลาการอยู่บนเว็บไซต์ของคนที่เข้ามาชม … ยิ่งนานยิ่งดี
9. Links
โดยปกติ Links จะมีอยู่ 3 แบบ คือ
- Inbound links (หรือที่เรียกกันว่า Back links)
- Outbound links : ลิงค์ออกไปเว็บอื่น
- Internal Links : ลิงค์ไปหน้าอื่นบนเว็บตัวเอง
Inbound links / Backlinks
เป็นลิงค์ที่มาจาก Website อื่น ส่งมายังหน้า Website ของเรา ซึ่งตรงนี้ Google จะชอบมาก หาก Backlinks เป็น Backlinks ที่มีคุณภาพ (คือมีคนกดจริง มายังเว็บไซต์เรา)
ส่วนการทำ Outbound links และ Internal links เป็นการช่วยให้คนอยู่บนเว็บไซต์เรานานขึ้น มีการกดไปกดมาบนเว็บไซต์ Google ก็ชอบเช่นเดียวกัน
10. Social
การแชร์เนื้อหาหรือบทความของเว็บไซต์เราบน Social ก็เป็นหนึ่งปัจจัยในการช่วยให้เว็บไซต์เราติดอันดับสูงๆบน Google เช่นเดียวกัน
เว็บไซต์ที่ถูกแชร์บน Social มีแนวโน้มที่จะติดอันดับสูงๆ บน Google (โดยเฉพาะการแชร์บน Facebook)
11. ข้อมูลธุรกิจของเรา
การเปิดเผยข้อมูลต่างๆธุรกิจของเรา จะช่วยให้ Google เชื่อถือเรามากขึ้น ทั้งในเรื่อง ที่อยู่, ลักษณะธุรกิจ, Logo, เบอร์โทร, Email และอื่นๆ ยิ่งเราให้ข้อมูลมากเท่าไหร่ Google ก็จะยิ่งชอบเว็บไซต์เรามากขึ้น
สรุป
ปัจจัยเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่คนกำลังทำ SEO ต้องพิจารณาเป็นลำดับต้นๆ จริงๆแล้วมันจะมีปัจจัยยิบย่อยอื่นๆ แต่อยากให้โฟกัสปัจจัยสำคัญนี้ก่อน หากทำครบ 11 ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ รับรองว่าเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆบน Google อย่างแน่นอน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง